วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

นิทานธรรมดาโลก (๓๓)

๘๖. งูเหลือมร้องทุกข์

     งูเหลือมตัวหนึ่ง มันถูกคนเล่นกลจับเอามันมาแสดงประกอบการเล่นกล เวลาแสดงก็เอางูเหลือมมาพันคอพาดไหล่ไว้   เพื่อเรียกความสนใจของคนดู  แล้วก็เล่นกลตบตาคนดูได้  งูเหลือมตัวนั้นมันจึงรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องพันอยู่บนคอบนไหล่ของนักเล่นกลเกือบตลอดทั้งวัน  แต่มันก็หนึคนเล่นกลไม่พ้น

      วันหนึ่งงูเหลือมเหลืออดเหลือทนเต็มที่แล้ว  มันจึงร้องว่า

     "ข้าเสียดายนัก  ที่ข้าคายพิษให้สัตว์อื่นไปเมื่อหลายร้อยชาติก่อน ไม่เช่นนั้นนายคนนี้คงจะได้ไปแสดงกลให้พระยายมบาลดูในเมืองนรกโน้น..."

     คร้ังนั้นมันก็ร้องทกข์กับพระอิศวรว่า  

     "คืนพิษให้ข้าอีกทีเถิด  ไม่มากเท่าพิษแมงป่องก็ยังดี  ข้าจะสั่งสอนนายคนนี้สักหน่อย"

     นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า อย่าหากินบนความทุกข์ของสัตว์อื่นจนเพลินไป และสอนให้รู้ว่าพิษเป็นของมีค่าก็ต่อเมื่อหมดพิษเสียแล้ว

๘๗. ละครลิง

     ลิงคู่หนึ่ง  มันถูกคนจับมาหัดให้แสดงละครลิงให้คนดู เก็บเงินเลี้ยงชี  โดยหัดให้เล่นละครเรื่องพระรถเมรี  ชายคนนี้ตีกลอง  ร้องเพลง  แล้วบังคับให้ลิงแสดงเป็นพระรถเมรี  ลิงไม่รู้เรื่อง  ทำท่าไม่ถูกบทก็ถูกชายคนนี้เฆี่ยนเอา มันจึงต้องเต้นไปเต้นมา  ทำท่าทางต่างๆ ไปตามประสาลิง

     วันหนึ่งเจ้าลิงตัวผู้  จึงบ่นว่า

     "ไม่รู้ว่าข้าจะต้องทำบ้าๆ เช่นนี้ต่อไปนานเท่าไร?"

     ฝ่ายลิงตัวเมีย ได้ฟังก็หัวเราะแยกเขี้ยวขึ้น แล้วร้องถามว่า

     "อ๋อ  นี่แกนึกว่าเราต้องบ้าๆ เป็นลิงบ้ายังงั้นใช่ไหม?"

     "อ้าว  ก็ถ่าเราไม่บ้าแล้วใครบ้าเล่า?"

     "ข้าว่า  อีตาเจ้าของละครเจ้านายของเรานี่แหละแกบ้าแน่ๆ  แกจึงบังคับให้เราทำบ้าๆ ยังงี้"

     "ข้าว่า ไม่ใช่เจ้านายเราบ้าหรอกนะ"

     "อ้าว  งั้่นแกว่าใครบ้าล่ะ?"

     "ข้าว่า  คนที่มายืนดูเราทำบ้าๆนั่นแหละ  บ้ากว่ใครโม้ด"

     นิทานเรื่องนี้  สอนให้รู้ว่า  คนที่หัวเราะคนบ้านั่นแหละ บางทีบ้ายิ่งกว่าคนบ้า ยิ่งกว่าคนที่ด่าคนบ้าว่าคนเมา ยิ่งบ้าใหญ่เลย 


วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

นิทานธรรมดาโลก (๓๒)


๘๕ แมวนอนหวด

     ยายแก่คนหนึ่งมีนิสัยรักสัตว์  แกเลี้ยงแมวไว้หลายตัว มีแมวตัวหนึ่งเป็นแมวตัวผู้สีสวาท  ยายแก่รักมากเป็นพิเศษ  คอยเอาใจใส่เลี้ยงดูอย่างดี  แต่เมวสีสวาทนี้ชอบไปนอนขดตัวอยู่ในหวดอยู่เสมอ  ยายแก่ติดตามไปดู เห็นแมวนอนหลับตาอยู่ในหวดก็ชอบใจ  ร้องชมว่า แมวสีสวาทนี้นอนเรียบร้อยดีจริงๆ  แม้แต่หางก็มองไม่เห็น ม้วนเก็บไว้เรียบร้อย  

     ฝ่ายหลานชายยายแก่ได้ยินก็หัวเราชอบใจ ร้องว่า
     "อ้ายแมวตัวนี้มันนอนร้ายจริงๆ เสียด้วย"
     ยายแก่ถามว่า "แมวมันนอนร้ายยังไง?"
     หลานชายหัวเราะ แล้วตอบว่า 

     "ไม่ร้ายอย่างไรล่ะ ดูซียาย  มันทำนอนหลับตานิ่งหลอกยาย แต่มันเอาหางแหย่เข้าไปที่ก้นหวดนีไงล่ะ หางมันโผล่ออกมาที่รูก้นหวดนี่แนะ"  ว่าแล้วก็ชูหางแมวให้ดู
     "อ้อ .....ยังงั้นหรือ ยายไม่รู้เลย"

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  คนบางคนซื่อเหมือนแมวนอนหวด  มองดูภายนอกก็ซื่อตรงดี แต่ภายในนั้นคดโกงอย่างเงียบงำ เหมือนหางแมวที่แยงก้นหวด  ที่คนโบราณพูดกันว่าคนบางคนซื่อเหมือนแมวนอนหวด นั่นแล 


นิทานธรรมดาโลก (๓๑)

๘๓. เต่าหน้าวัด

     เต่าหน้าวัดแห่งหนึ่ง มันอาศัยอยู่ในลำคลองหน้าวัดอันเป็นเขตอภัยทาน  มันคิดว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว  แต่มันก็ถูกคนจับเอามาขายให้คนขายเต่าหน้าวิหาร  คนขายเต่าซื้อเต่าเอาไว้ขายให้คนที่มาทำบุญปิดทองหลวงพ่อศักดิ์สิทธ์ในวิหาร  เมื่อปิดทองหลวงพ่อแล้ว  ก็จะมาซื้อเต่าไปปล่อยในลำคลองหน้าวัด  ครั้นแล้วเด็กวัดก็ไปจับเต่ามาขายให้แก่คนขายเต่าอีก  คนขายเต่าก็ขายให้คนใจบุญต่อไป  หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ตลอดปี  จนเต่าหาความสุขมิได้  ถึงไม่ถูกฆ่าแกงก็ต้องถูกหมุนเวียนขึ้นล่องอยู่ระหว่างหน้าวิหารกับลำคลองหน้าวัดอยู่ตลอดมา  จนกระทั่งเต่าแก่ตัวหนึ่ง มันรู้สึกเบื่อหน่ายต่อชีวิตหมุนเวียนเช่นนี้เต็มทน  มันจึงบ่นออกมาว่า

     "นี่ถ้าหากว่าในโลกนี้ไม่มีคนใจบุญหน้าโง่ๆ เราก็ไม่ต้องอดโซทรมานอยู่เช่นนี้หรอก"

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  คนใจบุญหน้าโง่น้ัน  มันจะทำบาปกรรมให้แก่ตัวเองและสัตว์อื่นอยู่เสมอ  ถามตัวเองว่าเป็นคนใจบุญหน้าโง่หรือเปล่า 


๘๔.หมาขี้เรื้อน

     หมาวัดตัวหนึ่งมันเป็นขี้เรื้อน ไม่มีขน มีแต่หนังอันหนาอยู่ทั้งตัว  มันนอนที่ไหนก็ไม่เป็นสุข  เพราะมันคันตามผิวหนังอยู่ตลอดเวลา  มันจึงลุกหนีไปหาที่นอนใหม่อยู่เรื่อย มันบ่นว่า

     "วัดนี้มีแต่มดไร มดคัน  มันคอยกัด นอนที่ไหนก็ไม่เป็นสุขเลย"

     หมาอีกตัวหนึ่งไม่เป็นขี้เรื้อน นอนหลับสบายอยู่  ได้ยินเสียงหมาขี้เรื้อนบ่น มันจึงร้องว่า

     "เรานอนที่ไหนก็เป็นสุข  เพราะเรามีขนป้องกันมดได้"

     นิทานเรื่องนีสอนให้รู้ว่า  ความทุกข์ความสุขอยู่ที่ตัวของเราเอง  ไม่ได้อยู่ทีดินฟ้าอากาศหรือสัตว์อื่น  


วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

นิทานธรรมดาโลก (๓๐)


๘๑. ไส้เดือน


     ไส้เดือนตัวหนึ่ง  มันไชชอนอยู่ใต้ดินมาช้านาน  มันรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตใต้ดินเต็มที  มันจึงขึ้นมาบนดินได้รับแสงแดดและสายลมในฤดูเดือนย้ายขึ้น  หน้าแล้ง  มันรู้สึกว่ามีความสข  อิสระเสรีดีกว่าอยู่ใต้ดิน  มันจึงเลื้อยไปตามพื้นดินบนถนนสายหนึ่ง  มันเลื้อยไปได้ไม่นาน  ก็มีวัวฝูงหนี่งเดินสวนทางมา  มันรู้สึกว่าตีนวัวฝูงนั้นเหยียบย่ำลงบนตัวของมันหลายคร้ัง  จะหนึก็ไม่พ้น มันรู้สึกเจ็บปวดมาก  มันดิ้นจนสุดแรงพลิกตัวบิดไปมา  แล้วมันก็ถูกตีนวัวเหยียบย่ำซ้ำลงมาอีก  จนตัวของมันแหลกขาดเป็นท่อนๆ  ก่อนจะสิ้นใจตาย  มันก็ร้องออกมาว่า

     "อยู่ใต้ดินดีๆ ไม่ชอบ  อยากขึ้นมาเดินบนดินเหมือนวัว ตัวเราจึงต้องเจ็บปวดทรมานแล้วก็ต้องตายลงอย่างนี้......."

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ความไม่พอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตน  ดิ้นรนไป บางทีก็ต้องได้รับความทุกข์ทรมาน  เราพร้อมที่จะเสี่ยงโชคด้วยชีวิตแล้วหรือยังเล่า ?
  

๘๒. ไส้เดือนกับแมงกะชอน


     ไส้เดือนตัวหนึ่ง  มันเลื้อยไชชอนอยู่ในดินโคลน เพื่อหาอาหารกินไปตามวิสัยของไส้เดือน  ซึ่งมันนึกว่าคงไม่มีสัตว์อื่นใดจะลงมาหากินอยู่ใต้ดินเช่นมันอีก  แต่อยู่มาวันหนึ่ง  มันไชชอนไปพบตัวแมงกะชอน กำลังใช้ขาทั้งสองข้างแหวกพื้นดินเข้ามาตรงหน้า มันจึงร้องถามแมงกะชอนว่า 

     "ท่านคือใคร?"
     "เราคือแมงกะชอน"
     "ท่านลงมาใต้ดินเพื่ออะไร?"
     "เรามาหาอาหารกิน"
     "ท่านกินอะไร?"
     "เรากินไส้เดือน"

     ว่าแล้วแมงกะชอนก็จับไส้เดือนเคี้ยวกินเป็นอาหารอันโอชารส
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ภัยอันตรายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง บนบก ในน้ำ ในดิน  ก็มีภัยอันตรายอยู่ทั่วไป  จึงต้องระมัดระวังภัยให้จงดี 

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

นิทานธรรมดาโลก (๒๙)


๘๐  ลิงหางขาด


          จระเข้ตัวหนึ่ง  มันว่ายน้ำหากินอยู่ในลำน้ำแห่งหนึ่ง  เมื่อมันเหนื่อยแล้วมันจึงแวะไปที่คุ้งน้ำแห่งหนึ่ง  มีต้นไทรอยู่ที่ริมตลิ่ง  มันจึงค่อยคลานขึ้นบนตลิ่ง  นอนพักอยู่ใต้ต้นไทรนั้น
          แต่ธรรมชาติของจระเข้   มันเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่กลัวสัตว์บก เช่น เสือ หรือสิงโตจะมาตะครุบหัวมันลากขึ้นบกเข้าป่าไปกิน  มันจึงมีวิธีป้องกันตัวของมันเวลานอนหลับด้วยวิธีอ้าปากให้กว้าง  ถ่างขากรรไกรไว้  เพื่อมิให้เสือหรือสิงโตคาบหัวมันได้  อีกอย่างหนึ่งถ้าสัตว์ตัวใดเผลอมาเข้าปากมัน มันก็จะได้งับกินเป็นอาหารเสียด้วย  จระเข้ตัวนี้จึงนอนอ้าปากหลับตาอยู่ตามปกตินิสัยของจระเข้ทั้งหลาย  
          ขณะน้ันมีลิงฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าริมลำน้ำนั้น  มีลิงสองแม่ลูกกำลังไต่กิ่งไทร  เก็บกินลูกไทรอยู่บนต้น   เมื่อลูกลิงไต่ลงมาจากต้นไทรมาเดินเล่นอยู่ที่พื้นดินใต้โคนต้นไทร  มันก็แลเห็นสิ่งประหลาดคือจระเข้นอนอ้าปากหลับตาอยู่  มันเข้าใจว่าก้อนหินธรรมดา  แต่ทำไมหนอในโพรงหินก้อนนั้นจึงมีเพดานสีแดง  และมีก้อนหินสีขาว ๆ เรียงอยู่ด้วย  มันไม่รู้ว่าเป็นปากและเป็นฟันของจระเช้   มันจึงเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในถ้ำน้อยๆนั้น
          จระเข้รู้สึกตัวว่ามีสัตว์อะไรอยู่ในปาก  จึงร้อง "ฮูม"   ลิงน้อยตกใจกระโดนหนี  แต่จระเข้งับปากโดยเร็ว จึงงับเอาหางลิงขาดติดอยู่ในปากจระเข้  ส่วนตัวหนีจากปากจระเข้ไปได้  กลายเป็นลิงหางด้วน

          นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า   ความเยาว์วัยอ่อนต่อโลกน้ัน  ย่อมไม่รู้ว่าภัยอันตรายมีอยู่ที่ใด  ไม่รู้วา่สิ่งที่แปลกตาน้ันก็เป็นอันตรายต่อชีวิตด้วย 
(โปรดติดตามตอนต่อไป)