วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

นิทานธรรมดาโลก (๒๗)



๗๗. เห็ดคน
     อดีตกาลนานมา ไม่รู้ว่ากี่ร้อยพันปี  ยังมีมานพน้อยนายหนึ่ง เป็นบุตรมหาเศรษฐี  บิดามารดามีทรัพย์มหาศาลนับได้หลายล้านโกฎิอสงไขย  นอกจากจะมีทรัพย์มหาศาลแล้ว มานพน้อยนี้ยังมีลักษณะเลิศชายหาใครจะเปรียบปานมิได้   ยิ่งไปกว่าน้ันยังมีน้ำใจกว้างขวางเหมือนดังทะเลมหาสมุทร
     เป็นบุตรมหาเศรษฐีมหาศาล ใครจะต้องการสิ่งใดก็ยินดียกให้ไม่เสียดายเลย  ด้วยมิได้เคยพบกับความไม่มี  เมื่อเห็นผู้อื่นไม่มีสิ่งใดก็ให้เดือดร้อนรำคาญแทน  ปรารถนาจะเห็นผู้อื่้นไม่ขาดแคลนดังเช่นตนบ้าง  เพราะเหตุแห่งความมีน้ำใจกว้างขวางจึงมีเพื่อนฝูงและบริวารมากมาย  และสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นธรรมดาจะขาดเสียมิได้  คือมีหญิงสาวทั้งหลายหลงรักอยากได้เป็นคู่ครอง  แต่บุตรชายมหาเศรษฐีนี้ก็มิได้มีใจปฎิพัทธ์เสน่หานารีใดในทางเพศสัมพันธ์เลย  มีแต่รักใคร่เป็นน้องเป็นพี่  ทั้งสาวแก่แม่หม้ายบรรดามีจึงเพียรพยายามใช้มารยาสตรีที่มีอยู่ถึง  ๑๒ เล่มเกวียนมาใช้ ก็หาสมประสงค์ไม่  สรุปความว่าบุตรชายมหาเศรษฐีไม่ตกหลุมรักหญิงใดในประเทศน้ันเลย 
     เมื่อได้ใช้ชีวิตความสุขเกษม มาจนเลยวัยหนุ่มใหญ่วัย ๓๕ปีแล้วก็ให้รู้สึกเบื่อโลก  ด้วยมิได้เห็นจะมีสิ่งใดมีแก่นสารและน่ารื่นรมย์ชมชื่นต่อไปแล้ว   จึงลาบิดามารดาเข้าป่าหิมพานต์บวชตนเป็นพระฤาษีบำเพ็ญตะบะอยู่ในป่าน้ัน แต่ก็ยังมีมารตามไปผจญอยู่เรือยๆ    บ้างก็ไปขอเงินใช้โดยให้บุตรมหาเศรษฐีขีดเขียนเครื่องหมายให้แก่ตน  เพื่อเอาไปแสดงแก่บิดามารดาของบุตรชายเศรษฐีน้้นว่าตนเป็นเพื่อนสนิท  เป็นมิตรสหายได้รับอนุญาตให้มาเบิกเงินส่วนที่เป็นของลูกชายมหาเศรษฐีน้ันได้ ด้วยบิดามารดามหาเศรษฐีฤาษีน้ันได้กันแบ่งไว้เป็นของพระฤาษีส่วนหนึ่งแล้ว  แม้ว่าฤาษีลูกชายจะเบื่อหน่ายเพศพรหมจรรย์ลาเพศฤาษีออกกมาเมื่อใดก็จะได้ใช้ทรัพย์ของตนได้  บรรดามิตรสหายของพระฤาษีก็ตามไปรบกวนขอเครื่องหมายแกงไดเอามาเบิกเงินใช้เสมอมิได้ขาด  ท้ังที่พระฤาษีก็สละทรัพย์นั้นทั้งหมดแล้ว มิได้อาลัยอาวรณ์หรือถือว่าเป็นของตนแต่อย่างใด แต่บิดามารดาผู้รักษาสมบัติน้ันไว้ก็จะมิยอมจ่ายให้แก่ผู้ใด นอกจากผู้มีเครื่องหมายของบุตรชายมาแสดงว่าได้รับอนุญาตจากบุตรชายฤาษีน้ัน ประชาชนทั่วไปจึงติดตามไปหาพระฤาษีองค์น้ันเพื่อขอเครืองหมายแกงไดมาแสดงเพื่อไปเบิกเงินอยู่ตลอดปีตลอดชาติมิได้ขาดเลย   
     เหลาสตรีก็ยังมีมานะพยายามไปพบพระฤาษีเหมือนกัน อย่างหนึ่งก็คือไปขอเครื่องหมายเบิกเงินใช้อีก  อย่างหนึ่งก็ฺคือคิดจะไปสึกฤาษีมาเป็นสามีของตน  แต่ประการหลังนี้ไม่ปรากฎมีผู้ใดทำสำเร็จ  อย่างไรก็ดีแม้ทรัพย์ของมหาเศรษฐีจะมีมากมายล้นเหลือเท่าใดก็ดี  แต่คนที่อดอยากก็มีล้นเหลือเช่นเดียวกัน  นอกจากน้ันก็ยังมีคนที่โลภมากล้นเหลือเช่นเดียวกัน  เมื่อคนเหล่านี้พากันไปขอเครื่องหมายแกงไดมาเบิกเงินใช้อยู่ทุกวันตลอดมา  อยู่มามิช้าทรัพย์น้ันก็หมด   ถึงไม่หมดไปจากโลก แต่ก็หมดไปอยู่กับคนอดและคนโลภอันมีมากมายมหาศาลยิ่งกว่าทรัพย์มหาศาลของมหาเศรษฐีเสียอีกเล่าฉนั้น  เมื่อคนสุดท้ายไปขอเครื่องหมายแกงไดพระฤาษี  ท่านก็รู้ด้วยญาณทันทีว่าไม่มีทรัพย์เหลืออยู่แม้แต่เบี้ยเดียว   พระฤาษีจึงไปบอกแก่ผู้ไปขอคนสุดท้ายน้ันว่า  "ทรัพย์นอกกายของข้าหมดแล้ว  ไม่มีเหลืออยู่แม้แต่ชิ้นเดียว   บัดนี้ยังเหลือทรัพย์ในกาย  ชิ้นสุดท้ายอยู่ชิ้นหนึ่ง ข้ามิได้ทำประโยชน์อันใด  แต่เจ้าจะเอาไหม ?"
     ผู้โชคดีคนสุดท้ายก็ตกปากว่า "เอา"  ตามประสาคนโลภและขี้ขอท้ังหลาย  
     พระฤาษีก็เปิดหนังเสือโคร่งที่นุ่งห่มครองกายน้ันขึ้นเด็ดทรัพย์ในกายชิ้นสุดท้ายน้ันโยนไปให้  หญิงผู้น้ันก็ตกตลึง  ด้วยไม่เคยคิดว่าพระฤาษีจะปลิดสิ่งน้้นให้แก่ตนได้  จึงก้มลงกราบพระฤาษีว่า
     "ของชิ้นนี้  ข้าพเจ้าต้มกินมื้อเดียวก็หมดสิ้น  ต่อไปข้าพเจ้าอยากกินอีก จะไปหากินได้ที่ไหนเล่า"
     พระฤาษีจึงตอบว่า  "เอ็งกินแล้วไปถ่ายไว้ที่ใดก็จะมีเชื้อเห็ดเกิดขึ้นมา มีรูปลักษณะเหมือนของเดิม เอ็งไปเก็บเอามาต้มกินได้"
     นางยังไม่พอใจจึงว่า "เผื่อลูกข้าพเจ้าหลานข้าพเจ้าอยากจะกินบ้างเล่าจะทำฉันใด"
     พระฤาษีตอบว่า "พืชพันธุ์ชนิดนี้จะมีอยู่ประจำโลกต่อไปไม่รู้สิ้น  จะเป็นของกินอันโอชะอย่างหนึ่งของมนุษย์"
     นางจึงถามต่อไปอีกว่า "ถ้าจะมีคนถามจะเรียกพืชพันธุ์ชนิดนี้ว่าอะไรเล่า"
     พระฤาษีตอบว่า "มันเกิดจากคน  รูปร่างก็เหมือนคนควรจะเรียกว่า "เห็ดคน"   แต่ต่อไปมนุษย์ใจบาปจะลืมคุณข้า  เขาจะพากันเสแสร้งเรียกเสียใหม่ว่า "เห็ดโคน" " 

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า   ทำคุณแก่ใครอย่าหวังเลยว่าเขาจะตอบแทนคุณเรา เพราะมนุษย์ร้อยละ ๙๐ เป็นคนอกตัญญู  อีก ๙ คนก็เป็นคนเนรคุณคน อีก ๑ เป็นคนลืมคุณคน