วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นิทานธรรมดาโลก (๒๕)


๗๓ หนูกับช้าง

     ช้างพลายเชือกหนึ่ง  มันยืนงีบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเวลากลางวัน  ขณะนั้นยังมีหนูตัวหนึ่ง ออกมาจากโพรงไม้ ครั้นเห็นช้างยืนอยู่ก็เข้าใจว่าเป็นต้นไม้ จีงได้ไต่ขาช้างขึ้นไปตามประสาซน  ช้างพลายลืมตาขึ้นเห็นหนูกำลังไต่ขาของมันจึงร้องถามว่า 
     "นี่สัตว์อะไร  ตัวเล็กจ้อยอย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?"
     เจ้าหนูน้อยตกใจ  จึงลงจากขาช้างไปยืนจ้องมองดูอยู่ห่างๆ ร้องตอบว่า  
     "อ๋อ  นี่เราป่วยอยู่หรอกนะ  ร่างกายจึงผ่ายผอมไปหน่อย เมื่อยังดีๆอยู่  ร่างกายของเราใหญ่โตแข็งแรงกว่านี้มาก" 
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  สัตว์ทุกตัวนึกว่าตัวเองใหญ่ และสำคัญเสมอ 


๗๔. ปลาไหล

     ที่ริมสระใหญ่แห่งหนึ่ง  งูปลาตัวหนึ่ง  จ้องหาเหยื่อกินอยู่  คร้ันเห็นปลาตัวหนึ่งว่ายขึ้นมาริมผิวน้ำ 
     งูก็ฉกปลาเอาไว้เตรียมจะขยอกกินเป็นอาหาร  ขณะน้ันปลาไหลเผือกตัวหนึ่งว่ายน้ำมาพบเข้า จึงร้องห้ามว่า 
     "เจ้างูใจร้าย  เหตุไฉนเจ้าจึงงับหัวปลาไว้ดังนั้นเล่า  ปล่อยนะ ถ้าไม่ปล่อยปลา เจ้าจะมีอันตราย"
     เจ้างู หันมามองปลาไหลเผือกนิ่งอยู่  แล้วมันก็คายปลาออกจากปาก ถามปลาไหลเผือกว่า 
     "ใครจะมาทำอันตรายเราได้"
      "โน่น  ตะเข้ตัวใหญ่ลอยน้ำอยู่ฝั่งโน้น  กำลังว่ายน้ำมาที่นี่" เจ้าปลาไหลเผือกตอบ 
     "งั้นหรือ ถ้าเช่นน้้นเราไปละ" ว่าแล้วงูก็ว่ายน้ำไปทันที
     เมื่องูเลื้อยไปแล้ว  ปลาจึงพูดกับปลาไหลเผือกว่า 
     "ท่านใจบุญจริงๆ มาช่วยเราไว้ทัน  ไม่เช่นน้้นเราก็คงตาย"
     "อ๋อ  เรามันจำพวกปลาด้วยกันก็ต้องช่วยกัน"
    "นี่ ท่านก็เป็นปลาดอกหรือ  ทำไมรูปร่างเหมือนงู"
    "จะเป็นปลาหรืองู  มันอยู่ที่นิสัยใจคอ  มันไม่อยู่ที่รูปร่างภายนอกหรอก"ปลาไหลเผือกตอบ 
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า   พวกเดียวกันก็เห็นอกเห็นใจกันและช่วยเหลือกัน 

๗๕. ลิงขี้คุย

     ลิงตัวหนึ่ง  มันมีนิสัยชอบคุยโอ้อวดความใหญ่โตของมันเกินเพื่อน ลิงด้วยกันอยู่เสมอ  วันหนึ่งมันเห็นช้างเชือกหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มันจึงเหนี่ยวกิ่งไม้ลงนั่งอยู่บนหัวช้าง  ปากก็ตะโกนอวดเพื่อนลิงว่า 
     "พวกเอ็ง  เห็นหรือยังว่า ข้ามีอำนาจมากเพียงไร แม้แต่ช้าางตัวใหญ่ยังยอมให้ข้าขี่หลังบังคับบัญชาได้"
     ช้างเกิดความรู้สึกว่ามีสัตว์ตัวน้อยๆ มาอยู่บนหัวของมัน จึงเอางวงจับลิงไว้ได้  พอรู้ว่าเป็นลิงมันจึงจับหางลิงไว้  แล้วเหวี่ยงไปรอบๆ ลิงก็ขึ้นไปหมุนอยู่บนอากาศเหมือนลูกข่างที่ถูกหมุน  มันจึงส่งเสียงลั่นเพราะกลัวจะตกลงมาตาย
     เมื่อช้างจับลิงเหวี่ยงเสียจนพอใจแล้ว  มันจึงโยนลิงให้หลุดลงไปนอนจุกอยู่ที่พื้นดิน  พอมันหายเวียนหัว  หายจุกแล้ว  มันจึงขึ้นต้นไม้ไปพบเพื่อนลิงที่พากันจ้องมองดูด้วยความสนใจ 
     "ไหนเอ็งว่า เอ็งมีอำนาจสั่งช้างได้ยังไงล่ะ?"   เพื่อนลิงตัวหนึ่งถาม
     "อ้าว  ก็เอ็งเห็นไหมล่ะ  พอข้าบอกให้มันจับข้าเหวี่ยงหมุนไปในอากาศเล่นสนุกๆ มันก็ทำตามข้าสั่ง"  เจ้าลิงใหญ่คุย 
     "เอ็งรู้สึกกลัวไหมล่ะ  เจ้าถึงร้องเสียงหลงลั่นป่า ?"
    "เปล่าหรอก   ข้าตื่นเต้นจนลืมตัวเพราะตอนนั้นข้ามองเห็นป่าไม้มันหมุนไปรอบๆ  ตัวเข้าจนตาลายเลย"
     พวกลิงได้ฟังก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร 
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  คนขี้คุยโอ้อวดน้ัน ก็สามารถคุยอวดได้ทุกเรื่องไป 

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นิทานธรรมดาโลก (๒๔)


๗๐. นกกระจาบทำรัง

     นกกระจอกตัวหนึ่ง  มันบินไปเกาะกิ่งไม้ต้นหนึ่ง  พบสิ่งแปลกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อน  มันจึงจ้องดูด้วยความสนใจ สักครู่หนึ่งก็มีนกกระจาบตัวหนึ่งบินออกมาจากสิ่งนั้น นกกระจอกจึงถามว่า ท่านบินมาจากที่ไหน เมื่อกี้นี้เรามองไม่เห็นท่านเลย  นกกระจาบตอบว่าเราอยู่ในรังของเราที่สร้างแขวนไว้ที่กิ่งไม้น้ัน นกกระจอกก็เพ่งมองไปที่รังของนกกระจาบ ถามว่านี่รังของท่านหรือ  นกกระจาบตอบว่า  ใช่แล้ว  นกกระจอกถามว่า ท่านสร้างรังไว้ทำไมสวยงามวิจิตรพิสดารดังนี้  นกกระจาบตอบว่าเราสร้างไว้ให้นกตัวเมียออกไข่แล้วกกลูกอยู่ในรังนี้ด้วยความอบอุ่นและปลอดภัยไม่ถูกลม ไม่ถูกฝน ไม่ถูกแดด และไม่ถูกกาเหยี่ยวมาเฉี่ยวกิน  ท่านเล่าทำรังไว้อย่างไร นกกระจอกตอบว่า  เราไม่ต้องลำบากลำบนอะไร  เราดูตามบ้านเรือนของคนเห็นมีช่องมีรูที่ไหนเหมาะๆ  เราก็คาบเอาใบไม้ไปรองไว้ ให้ตัวเมียออกไข่ได้อย่างปลอดภัยเหมือนกัน  กาเหยี่ยวไม่กล้าเข้าไปรบกวนอะไร  เพราะกลัวคนเจ้าของบ้านหรือรังนอนของคน  ชีวิตเราก็ปลอดภัยไข่และลูกของเราก็ปลอดภัยดี 
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  สัตว์น้อยใหญ่ทุกชนิด  ย่อมมีปัญญารักษาตัวให้รอดปลอดภัยตามสมควรแก่อัตภาพ  จึงสืบพันธุ์อยู่ได้ในโลกอันมีศัตรูรอบตัวนี้ได้ตลอดมา

๗๑. แมงมุมชักใย

     แมงมุมตัวหนึ่งมันชักใยขวางไว้เป็นตาข่ายดักสัตว์ ขึงไว้ระหว่างช่องหน้าต่างบ้านแห่งหนึ่ง ชักใยไว้เสียดิบดีแล้วก็แอบไปจับสายใยซุ่มอยู่  พอสายใยสั่นยวบยาบมันก็รู้ว่ามีสัตว์น้อยมาติดตาข่ายแมงมุมเข้าแล้ว  มันก็วิ่งปราดไปตามสายใยนั้นทันที แลเห็นแมลงชีผ้าขาวติดอยู่จึงร้องขู่ว่า 
     "เฮ้ยเจ้าสัตว์น้อยหน้าโง่  เหตุไฉนเอ็งจึงบินล่วงล้ำอธิปไตย ผ่านด่านแดนอาณาเขตของเราเข้ามาโดยไม่กลัวเกรงอาญาแผ่นดินของเรา เอ็งมีความผิดถึงขัันประหารชีวิตรู้ไหม"
     "เจ้าจงมาให้เราฆ่ากินเนื้อเสียโดยดี"
     "เราบินมาตามทางของเรา ท่านต่างหากเล่าที่มาขึงใยขวางทางเดินของเรา" ชีผ้าขาวเถียง
     "เอ็งก็เห็นแล้วว่า  ข้าขึงเส้นเขตแดนของข้าไว้ เอ็งล่วงล้ำเขตแดนของข้าเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต  เอ็งย่อมมีความผิดอย่างฉกรรจ์มหันตโทษ  มีความผิดต้องประหารชีวิตเสีย"
     "เหตุไฉนท่านจึงไม่บอกเตือนก่อนเล่า?"
     "ข้าไม่มีหน้าที่เที่ยวบอก เที่ยวเตือนใคร ขืนบอกขืนเตือนก่อน ก็ไม่มีใครเข้ามาติดตาข่ายของข้า"
    ยังไม่ทันที่ตัวแมลงชีผ้าขาวจะโต้ตอบประการใด  เจ้าแมงมุมก็เข้าตะครุบกัดคอแมลงชีผ้าขาวเคี้ยวกินเสียเป็นอาหารอันโอชาา
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ผู้มีอำนาจพูดอะไรก็เป็นกฎหมาย ไม่มีผู้น้อยคนใดจะโต้เถึยงได้เลย

๗๒. ค้างคาวห้อยหัวนอน
     นกฮูกตัวหนึ่ง มันบินหลงทางเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง  ซึ่งมีค้างคาวจับชะง่อนหินในถ้ำนอนอยู่เป็นทิวแถว  มันเพ่งมองด้วยความแปลกประหลาดใจที่เห็นค้างคาวทุกตัวห้อยหัวนอน  เอาตีนเหนี่ยวเพดานถ้ำไว้  มันจึงกระซิบถามค้างคาวตัวหนึ่งว่า
     "เหตุไฉนท่านจึงห้อยหัวนอนเช่นนี้เล่า?"
    "ก็เพราะเรานอนอยู่ในที่สูง  เราจึงต้องมองดูว่าข้างล่างจะมีเภทภัยอันใดมากร้ำกรายทำอันตรายเรา เราจึงต้องห้อยหัวลงคอยมองดูภัยจากเบื้องล่าง"
     "ภัยจากเบื้องบนไม่มีเลยหรือ?"
     "ภัยจากเบื้องบนไม่มี  เพราะเป็นเพดานถ้ำ  ข้างบนปลอดภัยมีแต่ภัยจากเบื้องล่าง"
     นกฮูกได้ฟังก็นึกถึงตนเองที่จับคอนกิ่งไม้ซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้  มีภัยจากเบื้องบน เบื้องล่าง หน้าหลังรอบทิศ  จึงต้องจับกิ่งไม้นอน เพื่อระวังภัยรอบทิศทาง
     วันหนึ่งนกฮูกเห็นโขลงช้างป่ายืนอยู่เป็นฝูงในเวลากลางคืน  มันจึงบินไปกระซิบถามช้างข้างๆ ใบหูช้างว่า 
     "พ่อช้างตัวใหญ่  เหตุไฉนท่านจึงไม่นอนหลับบ้างเล่า เห็นยืนอยู่ทั้งคืน"
     "เรายืนหลับ  เราไม่นอนหลับ  เป็นธรรมชาติของเราซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ ลุกขึ้นยืนได้ช้า  เมื่อมีภัยอันตรายมาสู่เรา เราจึงยืนหลับ  เราไม่ยอมนอนหลับเลยตลอดชีวิต"
     วันหนึ่งนกฮูกออกหากินกลางคืน  เข้าไปถึงคอกควายแห่งหนึ่ง  เห็นควายนอนอยู่ในคอกมันจึงเข้าไปถามว่า
     "ท่านนอนหลับตาอยู่เช่นนี้ ท่านไม่กลัวภัยอันตรายอะไรบ้างหรือ?"
     ควายตอบว่า 
     "เราจะต้องกลัวภัยอันตรายอะไรอีกเล่า  ก็เรานอนอยู่ในคอกล้อมทั้ง ๔ ทิศ ประตูคอกก็ปิดไว้แน่นหนา
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  สัตว์ทั้งปวงย่อมรู้ตัวว่ามีภัยอันตรายอย่างไร จะป้องกันภัยอย่างไรด้วย  อย่านึกว่าควายโง่กว่าสัตว์อื่น