๕๓. แมงดานา
แมงดาผัวเมียคู่หนึ่ง มันอาศัยอยู่บนต้นไม้ในป่าดงดิบแห่งหนึ่ง เมื่อถึงฤดูฝนแมงดาตัวเมียก็มีไข่เต็มท้อง ถึงเวลาต้องออกไข่ เมื่อฝนตกลงมาห่าใหญ่น้ำเจิ่งนองในท้องธาร แมงดาตัวผู้จึงบินพาแมงดาตัวเมียไปออกไข่ มันบินกันไปด้วยหนทางหลายโยชน์ จนถึงทุ่งนาแห่งหนึ่งมีต้นข้าวในนาเขียวชอุ่ม มีน้ำขังอยู่ในท้องนา มันเห็นว่าเหมาะที่จะออกไข่ได้ มันจึงพากันบินลงไปยังท้องนา แมงดาตัวเมียก็จับกอต้นข้าวแล้วเริ่มคายน้ำเมือกติดกับกอต้นข้าว แล้วออกไข่ติดอยู่ในก้อนเมือก เมื่อมันวางไข่หมดท้องแล้ว มันก็รู้สึกอ่อนเพลียและหิวอาหาร มันจึงลงจากกอข้าวไปเที่ยวหากินอาหาร แมงดาตัวผู้ก็มากกไข่แทนเมียของมันอยู่โคนกอข้าว
ขณะนั้นเห็นหญิงชาวนาเดินลงมาในท้องนา เที่ยวมองหาไข่แมงดาอยู่ เพื่อจะเก็บเอาไปกินเป็นอาหาร มันรู้ได้ด้วยสัญชาติญาณจึงรีบลงจากกอข้าว ไต่ลงไปแอบเกาะอยู่โคนกอข้าวในน้ำใส มองเห็นหญิงชาวนาเดินมาใกล้แล้วเอามือตะปปตัวมันไว้ด้วยความว่องไว แมงดาตัวผู้พยายามดิ้นรนให้หลุดเป็นอิสระภาพแต่มันดิ้นไม่หลุด ชาวนาคนน้ันยังเอาเล็บหักจะงอยปากของมันเสียอีกเล่า แล้วจับเอาตัวมันใส่ในตะข้อง มันจึงเรียกบอกแมงดาตัวเมียคู่ของมันว่า
"พี่ลาก่อน ระวังตัวรักษาไข่ลูกของเราไว้ให้ดีด้วย"
ขณะน้ันมันเห็นหญิงชาวนาเด็ดยอดกอข้าวเอาไข่ของแมงดาใส่ลงในตะข้องอีกด้วย รวมกับแมงดาตัวอื่นๆ และไข่แมงดาอื่นอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อถึงบ้านชาวนาก็เอาทั้งแมงดาและไข่แมงดาทั้งหมดเทลงในหม้อน้ำร้อนที่ต้ังอยู่บนเตา เพื่อต้มกินเป็นอาหาร ก่อนที่แมงดาตัวนั้นจะสิ้นใจตายไปในน้ำร้อน มันก็ได้แต่ร้องว่า
"สัตว์ตัวน้อยๆ อย่างเรานี้หนอ ก็ล้วนแต่ต้องตายเพราะลูกเมียทุกตัวไป"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สัตว์เกิดมาแล้วก็ต้องตายไป เพราะสัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อยอยู่ตลอดกาลนิรันดร
๕๔. ปลาหมอตายเพราะปาก
ปลาหมอตัวหนึ่ง เมื่อถึงฤดูฝนน้ำไหลหลากมันก็กระโดดขึ้นจากลำธารแถกขึ้นฝั่งตามทางที่น้ำไหลมา เพื่อจะหาที่อยู่ใหม่และหาอาหารที่อุดมสมบูรณ์กว่า ตลอดจนอยู่ในน้ำท่าที่ใสสะอาดสดชื่นกว่าแหล่งเดิมของมัน แต่เมื่อมันแถกตัวไปบนน้ำตื้นๆ ที่ไหลรินมาน้ันน้ำก็หยุดไหล มันจึงแถกตัวไถลต่อไปก็หามีน้ำไม่ แต่มันมีความทรหดอดทนจึงแถกตัวต่อไปเพื่อหาแหล่งน้ำใหม่ให้จงได้ แต่ไม่มีน้ำไหลมาเลย มันหมดแรงจึงนอนเกล็ดแห้งตากแดดอยู่เป็นเวลานาน นอนหายใจแผ่วๆ อยู่ แต่มันมีความอดทนมากมันจึงยังไม่ตาย พอถึงตอนเย็นมีฝนตกลงมาอีกห่าใหญ่ พอมีน้ำชุ่่มขึ้น เกล็ดมันลื่นมันจึงตะเกียกตะกายต่อไปจนพบบึงใหญ่ขวางหน้าอยู่ มันจึงตะกายลงไปในบึงแห่งน้้นอย่างมีความสุข
วันหนึ่งมีชายตกเบ็ดมาตกเบ็ดที่บริเวณบึงแห่งน้ัน เขาเอาเหยื่อล่อปลาหมอเมื่อเห็นเหยื่อเคลื่อนไหวไปมา มันจึงฮุบเหยื่อนั้นทันที ปากมันจึงติดเบ็ดถูกตวัดลอยขึ้นไปในอากาศแล้วชายนักตกเบ็ดก็จับตัวมันใส่ตะข้อง
เมื่อปลาหมอนอนอยู่ในตะข้องนั้น อยู่กับปลาอื่นๆ มันจึงได้คิดว่าตัวเรานี้เมื่อนอนเกล็ดแห้งอยู่บนบกทั้งวันก็หาตายไม่ คร้ันลงสู่สาครเป็นสุข ก็มาเห็นแก่ปากแก่กินจึงต้องติดเบ็ดมานอนรอความตายอยู่ สมกับคำที่คนเขาว่าปลาหมอตายเพราะปากจริงๆ หนอ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความลำบากไม่เคยทำให้เราตาย แต่ความสุขสบายและเห็นแก่กินทำให้คนและสัตว์ต้องตายมากต่อมากนักแล้ว
๕๕. ตุ๊กแกกับงูเขียว
ตุ๊กแกกับงูเขียวเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ตุ๊กแกเป็นพี่งูเขียวเป็นน้อง ตุ๊กแกนั้นรักใคร่ห่วงใยงูเขียวน้องของมันมาก เมื่อเติบโตขึ้นต่างตัวก็ต่างแยกย้ายกันออกไปหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตามประสาสัตว์ที่ต้องหาอาหารกินเลี้ยงตัวเอง แต่เจ้าตุ๊กแกน้ันมันคิดถึงงูเขียวน้องของมันอยู่เสมอ เพราะมันเห็นว่ามีแต่ปาก แต่ไม่มีตีนเดิน และไม่มีมือช่วยตัวเองได้ เมื่อตุ๊กแกมันหากินไปจนอิ่มท้อง ต้องนอนนิ่งอยู่ตอนกลางคืนหรือตอนกลางวัน มันจะร้องเรียกหางูเขียวน้องของมัน แต่งูเขียวไม่ค่อยคิดถึงตุ๊กแกพี่ของมันเท่าไรนัก นอกจากเวลาหาอะไรกินไม่ได้ ก็คิดถึงตุ๊กแกบ้าง คร้ันมันหากินไปไกล ได้ยินเสียงพี่ตุ๊กแกร้องเรียกหามัน มันก็รีบเลี้อยมาตามเสียงตุ๊กแกร้องเรียก ครั้นเห็นหน้าพี่มันก็เข้ามาร้องทักว่า ข้าหิวนักพี่มีอะไรกินบ้าง ตุ๊กแกน้ันมีนิสัยรักน้องก็อ้าปากออกบอกว่า อยู่ในท้องพี่นี่แหละ เข้าไปดูในท้องของพี่ดูเถิดพบอะไรก็กินให้อิ่มเถิด งูเชียวก็เลี้อยล้วงคอเข้าไปในปากตุ๊กแก มันหาอาหารในท้องของตุ๊กแก พบอะไรอยู่ในท้องก็กินจนหมด พอกินอาหารในท้องตุ๊กแกหมดแล้วก็เลี้อยไปหากินต่อไป ไม่ได้ห่วงใยว่าตุ๊กแกจะเหลืออาหารอยู่ในท้องของพี่มันหรือไม่ ถ้ามันกินอาหารอิ่มท้องมันก็เกาะกิ่งไม้หลับตานิ่งอยู่ ไม่ได้คิดถึงพี่ตุ๊กแกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เป็นพี่ต้องเสียสละเสมอเพื่อน้องตลอดมา ต้องให้ความรักใคร่เมตตาต่อน้องด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยมิต้องหวังอะไรตอบแทนเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เป็นพี่ต้องเสียสละเสมอเพื่อน้องตลอดมา ต้องให้ความรักใคร่เมตตาต่อน้องด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยมิต้องหวังอะไรตอบแทนเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น