๗๘.งูเขียวกินตับตุ๊กแก
ตุ๊กแกตัวหนึ่งมันเกาะนิ่งอยู่ที่กิ่งมะขามเทศ มันสังเกตุเห็นจิ้งจกตัวหนึ่งไต่กิ่งมะขามเทศมาเกาะอยู่ข้างหน้ามัน มันจึงตะครุบจิ้งจกกลืนกินเป็นอาหารแล้วนอนเกาะกิ่งไม้นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อรอสัตว์อื่นเผลอตัวเดินเข้ามาเป็นอาหารของมันต่อไปอีก
ขณะน้ันมีงูเขียวตัวหนึ่ง เลื้อยมาตามกิ่งมะขามเทศ มันเห็นตุ๊กแกเกาะกิ่งมะขามเทศนิ่งอยู่ มันจึงเลี้อยปราดเข้ามาโดยเร็ว
เมื่อตุ๊กแกแลเห็นงูเขียวเลี้อยตรงเข้าเช่นน้้น มันก็รู้โดยปัญญาญาณของมันทันทีว่าภัยกำลังมาถึงตัวแล้ว มันรู้ตัวดีว่างูเขียวจะต้องตวัดรัดตัวมัน แล้วกลืนหัวมันเป็นอาหารเหมือนที่มันกลืนจิ้งจกเมื่อตะกี้นี้ มันจึงอ้าปากของมันออกให้กว้างที่สุด จนงูเขียวกลืนหัวของมันไม่ได้ มันไม่มีวิธีอื่นจะป้องกันตัวมันได้ดีกว่านี้
ฝ่ายเจ้างูเขียวเมื่อไม่สามารถจะอ้าปากให้กว้างเพื่อกลืนหัวตุ๊กแกได้ เพราะตุ๊กแกอ้าปากกว้างไว้ก่อนแล้ว มันจึงเอาหัวเข้าไปในคอตุ๊กแกค้นดูอาหารในท้องตุ๊กแก เมื่อเจอจิ้งจกในท้องตุ๊กแกแล้ว งูเขียวก็กลืนจิ้งจกในท้องตุ๊กแกเป็นอาหารของมัน แล้วจึงค่อยถอนหัวออกจากปากและท้องตุุ๊กแกเลี้อยต่อไปยังกิ่งไม้อื่น ส่วนตุ๊กแกยังอ้าปากค้างอยู่ครู่่หนึ่ง เมือปลอดภัยด้วยงูเขียวเลี้อยห่างออกไปแล้ว มันจึงค่อยหุบปากลงด้วยความเสียดายอาหารที่งูเขียวมาล้วงไปกินเสีย
เด็กสองคนที่ยืนอยู่ข้างต้นมะขามเทศจึงพูดกันว่า "งูเขียวล้วงคอกินตับตุ๊กแก" ตุ๊กแกไ้ด้ฟังก็ร้องขึ้นว่า
"โกหก โกหก มันกินจิ้งจกในหัวอกของเราต่างหาก"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่มีใครรู้เรื่องของเราเท่าตัวเราเอง ใครเขาจะนินทาว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถิด
คนช่างนินทามีอยู่ ๓ ประเภท
๑.คนรู้จริง
๒.คนรู้ไม่จริง
๓. คนรู้จริงบ้างไม่จริงบ้าง
คนโบราณจึงเรียกคนนินทาว่าร้ายว่า "ตรีชา" แปลว่า "รู้สามอย่าง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น