วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นิทานธรรมดาโลก (๒๔)


๗๐. นกกระจาบทำรัง

     นกกระจอกตัวหนึ่ง  มันบินไปเกาะกิ่งไม้ต้นหนึ่ง  พบสิ่งแปลกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อน  มันจึงจ้องดูด้วยความสนใจ สักครู่หนึ่งก็มีนกกระจาบตัวหนึ่งบินออกมาจากสิ่งนั้น นกกระจอกจึงถามว่า ท่านบินมาจากที่ไหน เมื่อกี้นี้เรามองไม่เห็นท่านเลย  นกกระจาบตอบว่าเราอยู่ในรังของเราที่สร้างแขวนไว้ที่กิ่งไม้น้ัน นกกระจอกก็เพ่งมองไปที่รังของนกกระจาบ ถามว่านี่รังของท่านหรือ  นกกระจาบตอบว่า  ใช่แล้ว  นกกระจอกถามว่า ท่านสร้างรังไว้ทำไมสวยงามวิจิตรพิสดารดังนี้  นกกระจาบตอบว่าเราสร้างไว้ให้นกตัวเมียออกไข่แล้วกกลูกอยู่ในรังนี้ด้วยความอบอุ่นและปลอดภัยไม่ถูกลม ไม่ถูกฝน ไม่ถูกแดด และไม่ถูกกาเหยี่ยวมาเฉี่ยวกิน  ท่านเล่าทำรังไว้อย่างไร นกกระจอกตอบว่า  เราไม่ต้องลำบากลำบนอะไร  เราดูตามบ้านเรือนของคนเห็นมีช่องมีรูที่ไหนเหมาะๆ  เราก็คาบเอาใบไม้ไปรองไว้ ให้ตัวเมียออกไข่ได้อย่างปลอดภัยเหมือนกัน  กาเหยี่ยวไม่กล้าเข้าไปรบกวนอะไร  เพราะกลัวคนเจ้าของบ้านหรือรังนอนของคน  ชีวิตเราก็ปลอดภัยไข่และลูกของเราก็ปลอดภัยดี 
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  สัตว์น้อยใหญ่ทุกชนิด  ย่อมมีปัญญารักษาตัวให้รอดปลอดภัยตามสมควรแก่อัตภาพ  จึงสืบพันธุ์อยู่ได้ในโลกอันมีศัตรูรอบตัวนี้ได้ตลอดมา

๗๑. แมงมุมชักใย

     แมงมุมตัวหนึ่งมันชักใยขวางไว้เป็นตาข่ายดักสัตว์ ขึงไว้ระหว่างช่องหน้าต่างบ้านแห่งหนึ่ง ชักใยไว้เสียดิบดีแล้วก็แอบไปจับสายใยซุ่มอยู่  พอสายใยสั่นยวบยาบมันก็รู้ว่ามีสัตว์น้อยมาติดตาข่ายแมงมุมเข้าแล้ว  มันก็วิ่งปราดไปตามสายใยนั้นทันที แลเห็นแมลงชีผ้าขาวติดอยู่จึงร้องขู่ว่า 
     "เฮ้ยเจ้าสัตว์น้อยหน้าโง่  เหตุไฉนเอ็งจึงบินล่วงล้ำอธิปไตย ผ่านด่านแดนอาณาเขตของเราเข้ามาโดยไม่กลัวเกรงอาญาแผ่นดินของเรา เอ็งมีความผิดถึงขัันประหารชีวิตรู้ไหม"
     "เจ้าจงมาให้เราฆ่ากินเนื้อเสียโดยดี"
     "เราบินมาตามทางของเรา ท่านต่างหากเล่าที่มาขึงใยขวางทางเดินของเรา" ชีผ้าขาวเถียง
     "เอ็งก็เห็นแล้วว่า  ข้าขึงเส้นเขตแดนของข้าไว้ เอ็งล่วงล้ำเขตแดนของข้าเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต  เอ็งย่อมมีความผิดอย่างฉกรรจ์มหันตโทษ  มีความผิดต้องประหารชีวิตเสีย"
     "เหตุไฉนท่านจึงไม่บอกเตือนก่อนเล่า?"
     "ข้าไม่มีหน้าที่เที่ยวบอก เที่ยวเตือนใคร ขืนบอกขืนเตือนก่อน ก็ไม่มีใครเข้ามาติดตาข่ายของข้า"
    ยังไม่ทันที่ตัวแมลงชีผ้าขาวจะโต้ตอบประการใด  เจ้าแมงมุมก็เข้าตะครุบกัดคอแมลงชีผ้าขาวเคี้ยวกินเสียเป็นอาหารอันโอชาา
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ผู้มีอำนาจพูดอะไรก็เป็นกฎหมาย ไม่มีผู้น้อยคนใดจะโต้เถึยงได้เลย

๗๒. ค้างคาวห้อยหัวนอน
     นกฮูกตัวหนึ่ง มันบินหลงทางเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง  ซึ่งมีค้างคาวจับชะง่อนหินในถ้ำนอนอยู่เป็นทิวแถว  มันเพ่งมองด้วยความแปลกประหลาดใจที่เห็นค้างคาวทุกตัวห้อยหัวนอน  เอาตีนเหนี่ยวเพดานถ้ำไว้  มันจึงกระซิบถามค้างคาวตัวหนึ่งว่า
     "เหตุไฉนท่านจึงห้อยหัวนอนเช่นนี้เล่า?"
    "ก็เพราะเรานอนอยู่ในที่สูง  เราจึงต้องมองดูว่าข้างล่างจะมีเภทภัยอันใดมากร้ำกรายทำอันตรายเรา เราจึงต้องห้อยหัวลงคอยมองดูภัยจากเบื้องล่าง"
     "ภัยจากเบื้องบนไม่มีเลยหรือ?"
     "ภัยจากเบื้องบนไม่มี  เพราะเป็นเพดานถ้ำ  ข้างบนปลอดภัยมีแต่ภัยจากเบื้องล่าง"
     นกฮูกได้ฟังก็นึกถึงตนเองที่จับคอนกิ่งไม้ซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้  มีภัยจากเบื้องบน เบื้องล่าง หน้าหลังรอบทิศ  จึงต้องจับกิ่งไม้นอน เพื่อระวังภัยรอบทิศทาง
     วันหนึ่งนกฮูกเห็นโขลงช้างป่ายืนอยู่เป็นฝูงในเวลากลางคืน  มันจึงบินไปกระซิบถามช้างข้างๆ ใบหูช้างว่า 
     "พ่อช้างตัวใหญ่  เหตุไฉนท่านจึงไม่นอนหลับบ้างเล่า เห็นยืนอยู่ทั้งคืน"
     "เรายืนหลับ  เราไม่นอนหลับ  เป็นธรรมชาติของเราซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ ลุกขึ้นยืนได้ช้า  เมื่อมีภัยอันตรายมาสู่เรา เราจึงยืนหลับ  เราไม่ยอมนอนหลับเลยตลอดชีวิต"
     วันหนึ่งนกฮูกออกหากินกลางคืน  เข้าไปถึงคอกควายแห่งหนึ่ง  เห็นควายนอนอยู่ในคอกมันจึงเข้าไปถามว่า
     "ท่านนอนหลับตาอยู่เช่นนี้ ท่านไม่กลัวภัยอันตรายอะไรบ้างหรือ?"
     ควายตอบว่า 
     "เราจะต้องกลัวภัยอันตรายอะไรอีกเล่า  ก็เรานอนอยู่ในคอกล้อมทั้ง ๔ ทิศ ประตูคอกก็ปิดไว้แน่นหนา
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  สัตว์ทั้งปวงย่อมรู้ตัวว่ามีภัยอันตรายอย่างไร จะป้องกันภัยอย่างไรด้วย  อย่านึกว่าควายโง่กว่าสัตว์อื่น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น